มะม่วง
มะม่วง ภาษาอังกฤษ : Mango จัดเป็นไม้ยืนต้นที่มีต้นกำเนิดในประเทศอินเดีย และถือว่าเป็นผลไม้ประจำชาติของประเทศอินเดียอีกด้วย มะม่วง ชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Mangifera indica มะม่วงในบ้านเรานั้นจัดเป็นผลไม้เศรษฐกิจของประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยส่งออกมะม่วงเป็นอันดับ 3 ของโลก
สำหรับพันธุ์มะม่วงนั้นมีหลากหลายสายพันธุ์มาก โดยสายพันธุ์ที่แพร่หลายมากที่สุดเห็นจะเป็น พันธุ์เขียวเสวย แรด น้ำดอกไม้ อกร่อง ฟ้าลั่น โชคอนันต์ เป็นต้น ซึ่งแต่ละสายพันธุ์นั้นก็จะมีรสชาติและลักษณะแตกต่างกันออกไป
ประโยชน์ของมะม่วง ที่เราเห็นเป็นประจำก็คงจะไม่พ้นการนำมารับประทานเป็นผลไม้สดทั้งดิบและสุก หรือมีการไปทำเป็นอาหารว่างต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น มะม่วงกวน มะม่วงแก้ว มะม่วงแช่อิ่ม มะม่วงน้ำปลาหวาน ข้าวเหนียวมะม่วง พายมะม่วง และนำไปใช้ประกอบอาหาร เช่น ใส่น้ำพริก ยำ ส้มตำ ส่วนยอดอ่อนหรือผลอ่อนก็สามารถนำมาประกอบอาหารแทนผักได้ด้วย เป็นต้น
สำหรับข้าวเหนียวมะม่วงนั้นจะมีแคลอรี่สูงเพราะประกอบไปด้วยน้ำตาลไขมันจากกะทิเป็นหลัก ผู้ที่อยู่ในวัยหนุ่มสาวมีสุขภาพดีการรับประทานข้าวเหนียวมะม่วงจึงไม่น่าจะมีปัญหากับสุขภาพ แต่สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวอย่างเบาหวาน การรับประทานข้าวเหนียวมะม่วงอาจจะไปทำให้น้ำตาลและไขมันเพิ่มมากขึ้น ซึ่งผลที่ตามมาก็คือ น้ำหนักตัวเพิ่ม ความดันสูง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะห้ามรับประทานเสียทีเดียว แต่การรับประทานก็ควรรับประทานอย่างระวัง และพิจารณารับประทานให้พอดีกับสุขภาพก็จะเกิดประโยชน์สูงสุด
ประโยชน์ของมะม่วง
- รับประทานมะม่วงก็ช่วยทำให้สดชื่นมีชีวิตชีวาได้เหมือนกัน
- มะม่วงมีวิตามินซีสูง จึงช่วยต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี
- มะม่วงมีวิตามินเอ วิตามินซี ซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส
- ประโยชน์มะม่วงช่วยบำรุงและรักษาสายตา เพราะอุดมไปด้วยวิตามินเอและเบต้าแคโรทีน
- เป็นผลไม้ที่มีส่วนช่วยบำรุงร่างกาย
- ช่วยทำให้ผ่อนคลาย และหลับสบายยิ่งขึ้น
- ช่วยทำให้ร่างกายทำงานเป็นปกติ ปรับสมดุลภายใน
- ประโยชน์ของมะม่วงดิบ ผลมะม่วงดิบมีวิตามินซีสูง จึงช่วยป้องกันและรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน
- ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็งต่างๆ
- มีส่วนช่วยต่อต้านการเกิดโรคมะเร็งเต้านมและมะเร็งลำไส้ รวมไปถึงต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด มะเร็งเม็ดเลือด โรคมะเร็งผิวหนัง เป็นต้น
- ช่วยเยียวยาและรักษาโรคเบาหวาน ด้วยการใช้ใบมะม่วงประมาณ 15 ใบ นำมาล้างให้สะอาด แล้วนำมาต้มในน้ำสะอาด 1 ถ้วย โดยใช้ไฟอ่อนๆ นาน 1 ชั่วโมง ถ้าน้ำแห้งก็เติมเรื่อยๆ เมื่อเสร็จแล้วนำมาตั้งทิ้งไว้ค้างคืนไว้ 1 คืน พอเช้าก็นำมากรองเอาแต่น้ำดื่มติดต่อกันประมาณ 3-4 วัน
- ช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน ด้วยการรับประทานผลสดแก่
- ช่วยแก้อาการกระหายน้ำ ด้วยการรับประทานผลสดแก่
- สรรพคุณของมะม่วง ช่วยแก้อาการร้อนใน ด้วยการรับประทานผลมะม่วง
- ช่วยแก้โรคคอตีบ ด้วยการใช้เปลือกของลำต้นมะม่วงมาต้มรับประทาน
- แก้ซางตานขโมยในเด็ก ด้วยการใช้ใบมะม่วงพอประมาณนำมาต้มรับประทาน
- ช่วยรักษาอาการเยื่อปากอักเสบ จมูกอักเสบ ด้วยการใช้เปลือกของลำต้นมะม่วง มาต้มรับประทาน
- เปลือกมะม่วงของผลดิบ นำมาคั่วรับประทานร่วมกับน้ำตาล ช่วยแก้อาการปวดประจำเดือนและอาการปวดเมื่อยช่วงมีประจำเดือน
- เปลือกต้นมะม่วง นำมาต้มเอาน้ำดื่ม ช่วยแก้ไข้ตัวร้อน
- ไฟเบอร์จากมะม่วง เป็นตัวช่วยสำหรับการย่อยอาหาร และเผาผลาญพลังงาน
- แก้อาการท้องอืด ด้วยการนำใบสดประมาณ 15 กรัมมาต้มกับน้ำดื่ม หรือใช้เมล็ดของมะม่วงสุกมาตากแห้งแล้วต้มเอาน้ำดื่ม หรือจะบดให้เป็นผงก็ได้แล้วนำมารับประทาน
- มะม่วง สรรพคุณช่วยแก้อาการบิด ถ่ายเป็นเลือด ด้วยการรับประทานผลมะม่วง
- ช่วยบำรุงกระเพาะอาหาร ด้วยการรับประทานผลมะม่วง
- แก้อาการลำไส้อักเสบเรื้อรัง ด้วยการนำใบสดประมาณ 15 กรัมมาต้มกับน้ำดื่ม
- ประโยชน์ของมะม่วงสุก มีส่วนช่วยในการขับถ่าย มีฤทธิ์เป็นยาระบาย ด้วยการรับประทานมะม่วงสุก
- ช่วยขับปัสสาวะ ด้วยการรับประทานผลมะม่วง
- ช่วยขับพยาธิ ด้วยการใช้เมล็ดของมะม่วงสุกมาตากแห้งแล้วต้มเอาน้ำดื่ม หรือจะบดให้เป็นผงก็ได้แล้วนำมารับประทาน
- น้ำต้มกับใบมะม่วงสดประมาณ 15 กรัม ใช้ล้างบาดภายนอกได้แผลได้
- ใช้เป็นยาสมานแผลสด ด้วยการใช้ใบมะม่วงสดล้างให้สะอาดแล้วนำมาตำและพอกบริเวณที่เป็นแผล
- ประโยชน์ของต้นมะม่วง เนื้อไม้ของต้นมะม่วง ก็นิยมนำมาทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ได้เช่นกัน
- ใช้ประกอบอาหารหรือใช้รับประทานเป็นของว่างได้หลากหลายเช่น ทำน้ำพริก ยำมะม่วง ต้มย้ำ เมี่ยงส้ม หรือการทำเป็นมะม่วงน้ำปลาหวาน คั้นเป็นน้ำผลไม้ก็ได้เช่นกัน
- นำมาแปรรูปเป็น มะม่วงกวน มะม่วงแก้ว มะม่วงดอง มะม่วงแช่อิ่ม มะม่วงเค็ม น้ำแยมมะม่วง พายมะม่วง เป็นต้น
- ใบแก่ของมะม่วงใช้เป็นสีย้อมผ้าให้เป็นสีเหลือง
- ทรีทเม้นท์บำรุงผิวหน้าด้วยการใช้มะม่วงสุกมาฝานเป็นชิ้นบางๆ จากนั้นใช้ช้อนบดขยี้เนื้อมะม่วงให้ละเอียดแล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก จะทำให้ผิวหน้าดูสะอาดเกลี้ยงเกลา รูขุมขนดูกระชับผิวเรียบเนียนไร้รอยเหี่ยวย่น